วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ร้านอาหารยอดนิยม ในอำเภอเชียงแสน

1.ร้านตะวันริมโขง

    ที่อยู่ 1290 (ริมโขงแถวโรงแรมซีลีน) ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน  57110   เบอร์ติดต่อ 053-784-102
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 10:00 - 22:00
รสชาติอาหารใช้ได้ราคามาตรฐาน ไม่ได้แพงมากจนเกินไป วิวดีมองเห็นริมน้ำโขงและเพื่อนบ้านฝั่งลาว การบริการเป็นกันเอง รออาหารไม่นาน  อาหารที่แนะนำมีปลาสองใจ  เมี่ยงปลากับผัดเม็ดมะม่วง 




2.ร้านบ้านไม้ในสวน 

   บรรยากาศภายในร้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ตัวร้านน่าจะปรับปรุงขึ้นจากบ้านไม้เก่า ซึ่งเหมาะเจาะลงตัวกันได้อย่างพอดี อาหารก็อร่อย ที่สำคัญ มีของหวานเป็นกล้วยไข่แถมให้ทานฟรีๆด้วย   ร่มรื่น อยู่ไกล้แม่น้ำโขง เมนูแนะนำคือ ลาบปลาทอดและต้มยำปลาบึก
ที่อยู่ 1290 (ติดถนน) ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน 57110 




3.ร้านกาแฟมองดูน้ำ

   ร้านกาแฟราคาย่อมเยาอยู่ติดริมน้ำโขง อำเภอเชียงแสน มีโอกาสแวะชิมระหว่างทางไปเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ ร้านเล็กๆ ตกแต่งเรียบง่าย แต่วิวแม่น้ำโขงมองเห็นฝั่งลาว นั่งจิบกาแฟโต๊ะหน้าร้านลมเย็นๆ ชมแม่น้ำโขงเพลินๆ มีเค้กมะพร้าวนุ่มๆ หอมอร่อย  
ที่อยู่ 1290 (ริมโขง เชียงแสน ใกล้วัดขาวป้าน) ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน 57150
เบอร์ติดต่อ 0835164763
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 08:30 - 18:00



4.ร้านอาหารครัวไท

      ร้านครัวไท เป็นร้านอาหารไทยที่ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ บรรยากาศดี ติดริมแม่น้ำโขง สามารถมองเห็นฝั่งลาวได้ชัดเจน อาหารที่ขึ้นชื่อของร้านนี้คืออาหารที่ทำมาจากปลาน้ำโขงเพราะทุกเมนูจะทำจากปลาสดๆ ดังนั้นจึงไม่มีกลิ่นคาวและมีรสชาติดี อาหารรสชาติอร่อย บรรยากาศริมแม่น้ำโขงก็สวยงามดี และ พนักงานเสริฟก็สวยน่ารักมากครับ บริการก็ดีเยี่ยม. มีห้องจัดเลี้ยงสัมมนา อาหารราคาใช้ได้ไม่แพงมาก 
เวลาเปิดทำการ : เปิดบริการทุกวัน เวลา  10:00 - 01:00 

5.สถานีโขงวิว

      ร้านสถานีโขงวิว หรือ Khongview Station ในอำเภอเชียงแสนนี้อยู่ริมแม่น้ำโขง เลยสามเหลี่ยมทองคำไปเพียงนิดเดียว มองหาไม่ยาก เพราะบริเวณหน้าร้านที่เป็นสนามหญ้านั้นมีตู้รถไฟจอดอยู่เห็นเด่นชัดทีเดียว ลักษณะเป็นร้านแบบกิน-ดื่ม-hangout ที่มีอาหารหลากหลายทั้งอาหารไทย ฟิวชั่น อาหารญี่ปุ่นพวกซูชิ ราเมน..ไปจนถึงส่วนของ Coffee Bar ที่เราได้แวะไปเติมคาเฟอีนกันยามบ่าย 
ที่อยู่ 1290 (ห่างจากที่ทำการอำเภอเชียงแสนมาทางสามเหลี่ยมทองคำ 1 กม.)  ตำบลเวียง         อำเภอเชียงแสน  57110
เบอร์ติดต่อ 081-881 7301
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 07:00 - 23:59



สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ แห่งอำเภอเชียงแสน

จุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณนี้ จะมีรูปปั้นพญาแสนภู ผู้สถาปนาเมืองเชียงแสนขึ้นมา จะมีบริการข้ามแดน + เรือรับส่งสำหรับใครที่อยากนั่งเรือไปชมสามเหลี่ยมทองคำแบบใกล้ๆ หรือขึ้นไปเที่ยวตลาดลาว ไปถ่ายรูปกับคาสิโน  ราคาเหมา 500 บาท มาหลายคนก็แชร์กันไป มีขนาดเรือให้เลือกด้วย ถ้าลำใหญ่หลายคน ราคาก็เพิ่มไปอีก โดยจะสามารถมองเห็น สามประเทศที่อยู่ติดกันซึ่งมีน้ำโขงคั่นตรงกลางระหว่างประเทศคือ ไทย ลาว และพม่า 





สำหรับใครที่อยากขึ้นไปดูวิวสามเหลี่ยมทองคำมุมสูง ต้องขึ้นไปบนวัดพระธาตุปู่เข้า  บนวัดพระธาตุปูเข้า บางชื่อ พระธาตุภูเข้า  คือวัดนี้ตั้งอยู่บนเขา มีโบราณสถาน อายุมากเกือบๆ พันปีเลย  จากวัดนี้เราจะเห็นจุดชมวิวมุมสูงของสามเหลี่ยมทองคำชัดเจนมาก เหนือวัดพระธาตุปูเข้าขึ้นไป ก็จะเป็นวัดพระธาตุสามมุมเมือง สามารถเอารถขับขี่ขึ้นไปได้เหมือนกัน






หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ เป็นเสมือนประตูเปิดสู่โลกอันลึกลับของพืชชนิดนี้ จากความมืดมนน่าหวาดกลัว สู่ความแจ่มจรัสและรู้แจ้ง พื้นที่ 5,600 ตารางเมตรแสดงลำดับเรื่องราวของฝิ่น โดยเริ่มจาธรรมชาติวิทยาของฝิ่น การสืบประวัติการใช้ฝิ่นในยุคโบราณกลับไป 5,000 ปี ประวัติการแพร่กระจายของฝิ่นจากการค้าสมัยจักรวรรดินิยม เหตุการณ์พลิกประวัติศาสตร์ที่สร้างความอดสูแก่ผู้ชนะและผู้แพ้สงครามฝิ่นอันนำไปสู่การล่มสลายของราชวงค์แมนจู ความชาญฉลาดของประเทศสยามในการเผชิญกับมหาอำนาจตะวันตกและการควบคุมปัญหาฝิ่น

วันและเวลาดำเนินการ ** วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 8.30 – 16.00 น. ( เวลา 16.00 น. เป็นเวลาขายบัตรรอบสุดท้าย ) ** จำนวนผู้เข้าชมมากสุดไม่ควรเกิน 50 คน/ รอบ ระยะเวลาสำหรับการชมนิทรรศการโดยเฉลี่ย 1-2 ชั่วโมง 
อัตราค่าเข้าชม- คนไทย 200 บาท / คน - คนต่างชาติ 300 บาท / คน - ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 บาท / คน - เด็กอายุ 12 – 18 ปี 50 บาท / คน - เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่าย







พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือ ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงแสน เลขที่ 702 ถนนพหลโยธิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้มาจากบริเวณเมืองโบราณเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ลวดลายปูนปั้นฝีมือล้านนา พระพุทธรูปและศิลาจารึกจากเชียงแสนและจากจังหวัดพะเยา พร้อมทั้งให้ข้อมูลทางด้านวิชาการเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดี การตั้งถิ่นฐานของชุมชน และประวัติการสร้างเมืองเชียงแสน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่ ไทยลื้อและชาวเขาเผ่าต่างๆ เช่น เครื่องเขิน เครื่องดนตรี เครื่องประดับ เป็นต้น










ในตัวอำเภอเชียงแสน ซึ่งจุดสังเกต สำคัญคือ เชียงแสน จะมีโบราณสถานเก่าแก่  คูเมือง-กำแพงเมือง ที่ ค่อนข้างชัดเจน เป็นแนวยาวโดยมีถนนเลียบกำแพงไปตลอดแนวครับ เป็นเส้นทางปั่นจักรยานด้วย สวยและบรรยากาศดีมากๆ เพราะ ตลอดแนวกำแพงเมือง จะมีต้นไม้ใหญ่-เล็ก ขึ้นตลอดแนวเลย ร่มรื่นมากๆ และยังสามารถ ไปนั่งชมวิวริมแม่น้ำที่ติดกับประเทศลาว ซุ่งบรรยากาศยามเย็น อากาศดีมาก มีเรือเล็ก เรืองใหญ่สัญจรไปมาตลอด และยังมีร้านค้า ร้านอาหาร มาคอยให้บริการหากต้องการทานอาหาร ชมบรรยากาศ ริมฝั่งแม่น้ำโขง 










เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย หรือ ทะเลสาบเชียงแสน ตั้งอยู่ที่ ตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นที่ ชุ่มน้ำที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย พืช สัตว์สงวน ต่างๆ นก ปลา จำนวนมาก บรรยากาศดี เงียบ สงบ ร่มรื่น เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการรับอากาศสดชื่นเย็นสบาย  เหมาะเป็นที่พักผ่อนอย่างมาก 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
http://pantip.com/topic/33607297
http://travel.sanook.com/1395317/


สถานที่ท่องเที่ยววัดเก่าแก่ อำเภอเชียงแสน


1.วัดพระเจ้าล้านทอง




วัดพระเจ้าล้านทอง ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองเชียงแสน ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พระพุทธรูปน้ำหนัก 1200 กิโลกรัม ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองโบราณ พระเจ้าทองงั่วหรือพระยาครีรับฏเงินกอง พระราชโอรสของพระเจ้าติโลกราชเป็นผู้สร้างเมื่อปี พ.ศ.2032  โดยทรงให้หล่อพระพุทธรูปสำริดที่มีน้ำหนักล้านทองหรือประมาณ 1200 กก.หน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 3 เมตรเศษ แล้วทรงขนานนามว่า "พระเจ้าล้านทอง" เป็นพระประธานในวิหารหลวง 
 นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปสำริดอีกองค์หนึ่งที่ได้มาจากวัดทองทิพย์ซึ่งเป็นวัดร้าง เรียกกันว่า "พระเจ้าทองทิพย์" เป็นพระพุทธรูปที่มีพระพักตร์งดงามตามพุทธลักษณะพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง 1 ศอก 15 นิ้ว สูง 2 ศอก 10 นิ้ว




2.วัดเจย์ดีหลวง



วัดพระธาตุเจดีย์หลวง อำเภอเชียงแสน เป็นวัดที่เก่าแก่ของเมืองเชียงแสน สร้างโดยพระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านนาไท เมื่อ พ.ศ. 1887 (ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 19 ) หลังจากนั้นพระเจ้าแสนภูได้เสด็จไปครองเมืองเชียงใหม่แทนพระราชบิดา คือ พระเจ้าชัยสงครามซึ่งเสด็จมาประทับยังเมืองเชียงราย พร้อมทั้งนำอัฐของพระราชบิดา คือพ่อขุนเม็งรายมหาราชที่เสด็จสวรรคตที่เชียงใหม่กลับมายังเมืองเชียงรายด้วยพระธาตุเจดีย์หลวงได้ชื่อมาจากพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดซึ่งสูงถึง 88 เมตร มีฐานกว้าง 24 เมตร เป็นพระเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน ภายในวัดนอกจากพระเจดีย์หลวงแล้วยังมีพระวิหารซึ่งเก่าแก่มากพังทลายเกือบหมดแล้วและเจดีย์ธาตุแบบต่างๆ อีก 4 องค์ โบราณสถานแห่งนี้แม้ว่าจะปรักหักพังไปมากแล้วแต่ได้รับการบูรณะอย่างดีให้สมกับเป็นวัดที่สำคัญของเมืองหิรัญนครเงินยางภายในสมัยอาณาจักรล้านนาไทย

3.วัดพระธาตุจอมกิตติ





วัดพระธาตุจอมกิตติ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย (อยู่ถนนเลียบแม่น้ำเชียงแสน - เชียงของ) ตามพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าพังคราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เมื่อ พ.ศ. 1483 สมัยเดียวกับการสร้างพระธาตุจอมทอง เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้สิบสองสมัยเชียงแสน ต่อมาในปี พ.ศ. 2030 หมื่นเชียงสงได้ก่อสร้างเจดีย์องค์ใหม่อยู่อีกองค์หนึ่ง คือ พระธาตุจอมแจ้ง มีบันไดนาค 339 ขั้น เป็นทางเดินขึ้นไปนมัสการหรือจะนำรถขึ้นไปจอดบนพระธาตุได้ สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ พระเจดีย์ทรงปราสาทยอดทรงระฆัง หลังคารูปบัวคว่ำ พระเจ้าพังคราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1483 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ต่อมาเจ้าสุวรรณ คำล้าน เจ้าเมืองเชียงแสน ได้สร้างครอบเจดีย์องค์เดิมไว้ เมื่อปี พ.ศ.2030 ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมองค์เจดีย์ในปัจจุบัน


4.พระพุทธนวล้านตื้อ พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน



พระเจ้าล้านตื้อ ประวัติศาสตร์ลำน้ำโขงของเมืองเชียงแสน ลำน้ำโขงเป็นสายน้ำใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนสองฝากฝั่ง สายน้ำไหลเชี่ยว ดุดัน จากจีน มุ่งผ่าน พม่า ไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ประวัติศาสตร์ ของชาติต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำโขง จึงหนีไม่พ้นสายน้ำแห่งนี้   น้ำโขงไหลผ่านทวีปนี้ราวกับมีชีวิต 10 ปี ไหลไปทางหนึ่ง 100 ปี ไหลไปอีกทางหนึ่ง เปลี่ยนทางไปอีกทางหนึ่ง มีตำนานเล่าว่าถึงเกาะเก่าแก่กลางลำแม่น้ำโขง“เกาะดอนแท่น” เดิมทีเป็นผืนดินในไทยโดยเป็นทีอาศัยของผู้คนเชียงแสนในยุคก่อน เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของวัดกว่า 10 วัด ตามที่ระบุไว้ในพงศาวดาร เมืองงินยางเชียงแสนภาคที่ 61 ที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งของ วัดพระเจ้าทองทิพย์ อันเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพทุธรูปสำริดขนาดใหย่ ซึ่งชาวบ้านกล่าวขานนามว่า “พระเจ้าล้านตื้อ คำว่า ตื้อ คือมาตราวัดของชาวล้านนา หมายถึงโกฏิ ดังนั้นคำว่า " ล้านตื้อ" ก็หมายถึงองค์พระนี้มีขนาดและน้ำหนักมาก สันนิฐานว่าองค์พระคงจมลงไปพร้อมกับเการะดอนแท่น ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณน้ำโขงหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน 


5.วัดพระธาตผาเงา




 วัดพระธาตุผาเงา ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงทางด้านทิศตะวันตก ตรงกันข้ามกับประเทศลาว อยู่ในหมู่บ้านสบคำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน อยู่ทางทิศใต้ของตัวอำเภอเชียงแสนประมาณ 3 กม. หรืออยู่ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 15 กม. มีพื้นที่ทั้งหมด 743 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินเขาเล็กๆ ทอดยาวลงมาตั้งแต่บ้านจำปี ผ่านบ้านดอยจันและ มาสิ้นสุดที่บ้านสบคำ แต่ก่อนเขาเรียกดอยลูกนี้ว่า “ดอยคำ” แต่มาภายหลังชาวบ้านเรียกว่า “ดอยจัน”ชื่อของวัดนี้มาจากชื่อของพระธาตุผาเงาที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่าผาเงาก็คือ เงาของก้อนผา (ก้อนหิน) หินก้อนนี้มีลักษณะสูงใหญ่คล้ายรูปทรงเจดีย์และทำให้ร่มเงาได้ดีมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า “พระธาตุผาเงา”  ความจริงก่อนที่จะย้ายวัดมาที่นี่ เดิมมีชื่อว่า “วัดสบคำ”  ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขง ฝั่งน้ำได้พังทลายลง ทำให้บริเวณ ของวัดพัดพังลงใต้น้ำโขงเกือบหมดวัด คณะศรัทธาจึงได้ย้ายวัดไปอยู่ที่ใหม่บนเนินเขา ซึ่งไม่ไกลจากวัดเดิม



เล่าถึงประวัติศาสตร์ เวียงหนองหล่ม(ล่ม)-หรือ-เกาะแม่ม่าย-ตำนานปลาไหลเผือกแห่งโยนกนาคพันสิงหนวัติ เชียงแสน



คลิปวีดีโอเล่าเรื่องราว เกี่ยวกับเกาะแม่หม้าย 




เวียงหนองหล่ม ตั้งอยู่ที่เขตติดต่อระหว่างตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน กับตำบลจันจว้าอำเภอแม่จัน จากหลักฐานที่ได้จากการสำรวจ สันนิษฐานว่าอยู่ระหว่างยุคหินใหม่ ถึงไม่เกินพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ตำนานและพงศาวดารหลายเล่มกล่าวตรงกันว่า เจ้าชายสิงหนวัติ พาผู้คนมาหาที่ตั้งเมือง พอมาถึงแม่น้ำโขง ก็พบนาคจำแลงเป็นชายมาบอกสถานที่สร้างเมือง จึงตั้งเมืองโยนกนาคพันสิงหนวัติ โดยเอาชื่อองค์ผู้สร้างเมืองรวมกับชื่อนาค หรือโยนกนครหลวง 

 มีกษัตริย์ปกครองสืบจนถึงสมัยพระเจ้ามหาไชยชนะ ผู้คนจับปลาไหลเผือกได้ที่แม่น้ำกก จึงนำมาแบ่งกันกินทั่วเมือง เว้นแต่หญิงม่ายนางหนึ่งไม่มีลูกหลานไม่มีใครให้กิน ตกกลางคืนเกิดแผ่นดินไหว เมืองถล่มลงเหลือแต่บริเวณบ้านของหญิงม่ายจึงเรียกน้ำนั้นว่าเกาะแม่ม่าย และเรียกเมืองนั้นว่าเวียงหนองล่ม หรือเวียงหนอง จากโครงการอนุรักษ์เมืองโบราณและประวัติศาสตร์เชียงแสน มีการสำรวจพื้นที่ของเวียงหนองล่ม










วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

ประวัติศาตร์ความเป็นมาของอำเภอเชียงแสน


เมืองประวัติศาสตร์เชียงแสน
             สถานที่ตั้ง เมืองประวัติศาสตร์เชียงแสนมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ดอยเชียงเมี่ยง (บ้านสบรวก)เขตสุขาภิบาลเวียงเชียงแสน และเขตบ้านเชียงแสนน้อย ตำบลเวียงอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีทำเลที่ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขง มีพื้นที่ประมาณ 2,870 ไร่ 3 งาน 12 ตารางวา หรือประมาณ 4.75ตารางกิโลเมตร
ประวัติความเป็นมา
              เมืองเชียงแสน เป็นเมืองโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของแคว้นล้านนา จากหลักฐานด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี แสดงให้เห็นว่าเมืองเชียงแสนเป็นเมืองที่มีพัฒนาการมายาวนาน เนื่องจากเป็นเมืองที่มีทำเลที่ตั้งเหมาะสมจึงส่งผลให้มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ การปกครอง ศาสนาและศิลปกรรมได้มีการพบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุคหินเก่าด้วย กลุ่มสิงหนวัติเป็นกลุ่มคนไทยกลุ่มแรก ที่เข้ามาสร้างบ้านแปงเมือง บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำกก ชื่อเมือง "โยนกนาคพันธสิงหนวัติ"มีกษัตริย์ผู้สืบเชื้อสายปกครองต่อๆ กันมา จนกระทั่งสมัยของพระเจ้าพรหมสามารถรวบรวมบ้านเมืองและขยายขอบเขตของแคว้นโยนกออกไปได้หลายพื้นที่ คือ เมืองไชยปราการ (เขตอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่)เมืองไชยนารายณ์ (เขตอำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย) และเวียงพางคำ (เขตอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย)จนกระทั่งเมืองโยนกล่มสลายลงต่อมาโดยการนำของพ่อบ้านชื่อ "ขุนลัง" ได้พากันออกไปสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นใหม่
บริเวณปากแม่น้ำกกขื่อว่า "เวียงปรึกษา"
              ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 12 ได้ปรากฏแคว้นหิรัญนครเงินยางโดยกลุ่มลาวจก ที่เชื่อกันว่าเป็นกลุ่มชน ที่อพยพมาจากภูเขา ลงมาสร้างบ้านแปงเมือง บริเวณริมแม่น้ำสาย ปกครองเมืองที่เคยเป็นเมืองโยนกเดิมแคว้นหิรัญนครเงินยางนี้มีผู้นำคือ "ขุนเจือง"เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่มีความสามารถรวบรวมและขยายขอบเขตของแคว้นออกไปได้อย่างกว้างขวาง เมืองเชียงแสนเริ่มเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 19มีพญามังรายกษัตริย์องค์ที่ 25 เชื้อสายราชวงศ์ลาวจก แห่งแคว้นหิรัญนครเงินยางสามารถยึดเมืองหริภุญไชยอันเป็นศูนย์กลาง อำนาจบริเวณแม่น้ำปิง และได้สถาปนาเมืองเชียงใหม่ขึ้นเป็นราชธานี ของอาณาจักรล้านนาเมื่อปี พ.ศ. 1879 และในระยะเวลาต่อมา พญามังรายได้ส่งพญาแสนภูผู้เป็นหลาน มาควบคุมดูแลเมืองบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำกก และแม่น้ำโขง โดยในระยะแรก พญาแสนภูเข้ามาพักชั่วคราวบริเวณปากแม่น้ำกก(เชียงแสนน้อยในปัจจุบัน) ก่อนต่อมาได้ช่วยสร้างเมืองเชียงแสนขึ้น ตรงบริเวณพื้นที่ที่เคยเป็นเมืองเก่าเดิมและทรงเล็งเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้มีตำแหน่งที่ตั้งทางชัยภูมิที่เหมาะสมแก่การทำกสิกรรม เพื่อเป็นเมืองท่าหน้าด่าน
ที่คอยควบคุมดูแลการค้าขายตามลำน้ำโขง พญาแสนภูโปรดให้ขุดคูและสร้างกำแพงเมืองล้อมรอบ 3 ด้านคือ ด้านทิศเหนือ ด้านทิศตะวันตก และด้านทิศใต้ ส่วนด้านทิศตะวันออกใช้แม่น้ำโขงเป็นปราการธรรมชาติส่วนกำแพงที่ปรากฏหลักฐานอยู่ในปัจจุบันนี้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยพญาสามฝั่งแถบเมื่อประมาณ พ.ศ.1951 เมื่อครั้งที่พวกฮ่อได้ยกทัพมาตีล้านนาและเมืองเชียงแสน
              ในระยะแรกเมืองเชียงแสนมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงของแคว้นล้านนาจนถึงสมัยพญาติโลกราช
(ประมาณ พ.ศ. 1985-2030) เมื่อกองทัพของกรุงศรีอยุธยาเข้ายึดเมืองเชียงใหม่และแคว้นล้านนาทั้งหมดเมืองเชียงแสน ตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของอยุธยาด้วย หลังจากนั้นล้านนาก็ต้องตกอยู่ในอำนาจของพม่าและเมื่อพระยาจ่าบ้าน (วิเชียรปราการ) ร่วมกับพระยากาวิละ โดยการสนับสนุนกำลังกองทัพจากกรุงธนบุรีสามารถกอบกู้เมืองเชียงใหม่และขับไล่พม่าออกไปได้สำเร็จในปี พ.ศ.2317 แต่พม่าก็ยังย้ายมาตั้งมั่นที่เมืองเชียงแสนได้อีกในปี พ.ศ.2347 พระยากาวิละได้ให้พระยาอุปราช (อนุชา) ยกกำลังเข้าไปขับไล่พม่าโดยเผาลำลายเมืองและป้อมกำแพงเมือง รวมทั้งอพยพผู้คนออกจากเมืองเชียงแสนไปไว้ในที่ต่่างๆ ในเมืองล้านนา
              ในปี พ.ศ.2417 ได้มีพวกพม่า ลื้อ เขิน จากเมืองเชียงตุง อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ภายในเมืองเชียงแสนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าอินต๊ะนำราษฎรขาวเมืองลำพูน เชียงใหม่ เข้ามาตั้งบ้านเรือนในเมืองเชียงแสนจำนวน 1,500 ครัวเรือน เมื่อมีการจัดระบบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล (พ.ศ.2442) เมืองเชียงแสนได้ขึ้นกับมณฑลพายัพ ต่อมาเปลี่ยนการบริหารการปกครองส่วนภูมิภาคเป็นจังหวัด เมืองเชียงแสนจึงมีฐานะเป็นกิ่งอำเภอเชียงแสนหลวง ขึ้นอยู่กับอำเภอแม่จัน จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2500 จึงยกฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย
ความสำคัญต่อชุมชน
              เมืองประวัติศาสตร์เชียงแสนเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนแห่งนี้ในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
                สถาปัตยกรรมในเมืองประวัติศาสตร์เชียงแสนที่หลงเหลือหลักฐานอยู่ในปัจจุบันได้แก่ พระเจดีย์ซึ่งมี 2 แบบ คือเจดีย์ทรงระฆัง และเจดีย์ทรงปราสาทที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานของศิลปะจีน ศิลปะพม่าแบบพุกาม และศิลปะสุโขทัย ต่อมาได้พัฒนาจนเป็นรูปแบบของตนเองเส้นทางเข้าสู่เมืองประวัติศาสตร์เชียงแสน
 http://phrachiangsan.com/history.php